วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

คิดบวก++++



เคยดูโฆษณาที่คุณนาตาลี สาวงามระดับโลกมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง กับวลีเด็ด "ยิ่งคิดบวก ยิ่งสวยขึ้น"

คิดบวกแล้วดียังไง มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วจะเป็นคนโง่รึเปล่า

----------------------------------------

หลังจากเดินผ่านเรื่องราวมามากมาย มันทำให้ฉันรู้ว่าการคิดบวก จำเป็นต่อเรามากกว่าที่เราคิด

บางครั้งเราอาจต้องหัดมองบางเรื่องในแง่ร้ายบ้าง เพื่อให้ไม่คาดหวังต่อสิ่งใดมากเกิน

แต่บางครั้งการมองโลกในแง่ดี การคิดบวก ก็เติมพลังให้เราได้มหาศาลเช่นกัน

เพราะในสังคมทุกวันนี้ เราต้องเจอคนมากมาย หลายรูปแบบ เจอกับความคิดคนที่ดีบ้าง ร้ายบ้าง ไม่ยินดียินร้ายบ้าง สถานการณ์ที่บางครั้งเราเองก็ควบคุมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

การยอมรับในตัวคนและสถานการณ์ทั้งดีร้าย เข้าใจในสิ่งที่เป็นไปอย่างมีสติ ไม่ตีโพยตีพาย โมโหโกรธา ไม่หลงระเริง หรือฟูมฟายไปกับมัน

...รู้เท่าทันในสิ่งที่เกิด นี่แหละ การคิดบวกของฉัน

บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะปล่อยใจไหลไปตามเรื่องที่ไร้ค่า

ในวันที่ถูกทำร้าย ฉันได้คิดในแง่ดีว่า ก็ดีเหมือนกัน ที่ได้รู้ว่ามีคนรอบข้างห่วงใย ..และพร้อมที่จะปกป้องเรา

ในวันที่ผิดพลาด ฉันได้คิดว่า ก็ดีเหมือนกัน วันหลังจะไม่พลาดอีก คอยดูสิ

ในวันที่คนด่าเราเพื่อให้เราเจ็บ ..แล้วถ้าเราไม่เจ็บล่ะ  คำด่าของคุณมันก็ดีเหมือนกันนะ ฉันชอบจัง และถือว่ามันเป็นคำชม ...ขอบคุณนะคะ

แต่ฉันเองไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไปหรอกนะ มองมันในแง่จริงมากกว่า .. แต่จะผิดอะไรล่ะที่จะทำให้มันกลายเป็นสิ่งขำขัน ตลกร้าย น่ากวนตีน

ถึงเราจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกาย ถึงจะแข็งแกร่งหรือมีอิทธิพลแค่ไหน ร่างกายเราก็ถูกทำร้ายได้
เราอาจถูกลอบกัด ใช้อาวุธทุ่นแรง หรือถูกคนที่มีกำลังหรืออิทธิพลมากกกว่าทำร้าย

แต่ฉันเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ทำร้ายใจเราได้ ถ้าเราไม่ยอม!!




วันนี้เอา “10 วลีทรงพลังเพื่อคนคิดบวก” ของริช เดอโวส ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจแอมเวย์ ที่ค่อยๆ สร้างธุรกิจ จนเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกมุมโลก มาฝากกัน


1.“ฉันผิดเอง” (I am wrong) ริช  เดอโวส ระบุว่า “ฉันผิดเอง” เป็นคำพูดที่ช่วยเปลี่ยนทัศนคติตัวเราได้ดีที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิด โดยเฉพาะเมื่อต้องยอมรับผิดต่อหน้าคนอื่น

เจ้าตัวแนะว่า เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าตัวเองผิด แค่เอ่ยคำว่า “ฉันผิดเอง คุณทำถูกแล้วล่ะ” เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สัมพันธภาพดีขึ้น ช่วยให้การเจรจาต่างๆ เดินไปข้างหน้า หรือยุติการโต้แย้งที่กำลังเกิดขึ้น

“ฉันผิดเอง” ยังเป็นคำพูดที่แปรเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
แม้การยอมรับว่า “ฉันผิดเอง” จะลดความน่าเชื่อถือของคุณในบางสถานการณ์ลงก็ตาม



2. “ฉันขอโทษ” (I am sorry) หลายๆ ครั้งที่การกล่าวถ้อยคำสั้นๆ นี้เป็นเรื่องยาก แต่การกล่าวคำนี้ให้เป็นนิสัยเป็นสิ่งคุ้มค่า เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์มักปกป้องตัวเอง มักคิดว่าตัวเองถูกเสมอ แต่พอเอ่ยคำนี้ออกมาจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

การกล่าวคำว่า “ขอโทษ” แสดงถึงว่าคุณปรารถนาจะกลับมาสานต่อความสัมพันธ์ กับบุคคลที่เป็นคู่กรณีกับคุณ

การกล่าว "ขอโทษ" ต้องออกจากส่วนลึกจริงๆ ความรู้สึกนี้ยังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับ การแสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา ไม่ใช่กล่าวแบบขอไปที เพื่อให้จบๆ ลงเท่านั้น



3."คุณทำได้" (You can do it) ริช ระบุว่า...ผู้คนจำนวนมากไม่เคยลองทำอะไรเลยเพราะกลัวความล้มเหลว กลัวว่าตัวเองไม่มีชั่วโมงบินมากพอ กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์

สำหรับคนเหล่านี้ ริช แนะนำว่า “ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วก็ลงมือได้เลย คุณทำได้!” แน่นอน เมื่อได้ยินคำว่า “คุณทำได้” จะสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย




4.“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ” (I believe in you) เป็นคำพูดที่ต่อเนื่องจาก “คุณทำได้” (คุณทำได้...ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ) ต่างกันที่เป็นคำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ เป็นคำพูดสำหรับผู้นำที่ใช้พูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พ่อแม่ที่ส่งต่อความรู้สึกนี้กับลูกๆ หรือเจ้านายที่มีต่อลูกน้องที่กำลังเจออุปสรรคและต้องการความช่วยเหลือ



5.“ฉันภูมิใจในตัวคุณ” (I am proud of you) เพียงเราเปล่งคำนี้จะพบว่ามีอานุภาพสูงมากในการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ฟัง คำพูดที่ว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูก” หรือ “ผมภูมิใจในตัวคุณ” “ผมภูมิใจในความสำเร็จของคุณ” เป็นการให้กำลังใจที่ดีมาก โดยปกติแล้วคนไทยเราไม่ค่อยชมเชยผู้อื่นด้วยคำพูดนี้เท่าไหร่นัก



6. คำว่า “ขอบคุณ” (Thank you) ริช ระบุว่า เป็นคำที่ทุกๆคนอยากได้ยิน และทุกคนสามารถกล่าวได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง เรากล่าวคำขอบคุณกับผู้ให้บริการ หรือผู้ที่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เรา กล่าวกับผู้ที่ชมเชยเรา ผู้ที่มีน้ำใจ หรือมีเมตตาต่อตัวเรา แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ริช เดอโวส ตั้งข้อสังเกตว่า บ่อยครั้งที่เราใช้เวลานานกว่าจะพูดคำนี้ออกมาสักครั้ง
แต่ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวในการต่อว่าผู้อื่น บางทีเรามัวแต่นึกถึงตัวเอง จนลืมขอบคุณผู้อื่น



7. “ฉันต้องการคุณ” (I need you) เป็นอีกคำที่มีอานุภาพยิ่งสำหรับคนคิดบวก เพราะบ่งบอกถึงการยอมรับในความสามารถผู้อื่น เป็นคำที่สำคัญมากสำหรับผู้นำ จะเห็นว่าผู้นำหลายๆคน ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นยิ่งมองไม่เห็นความสำคัญของผู้มีตำแหน่งต่ำกว่า ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่มีทางที่เราจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้โดยลำพัง เมื่อคุณกล่าวคำคำนี้ออกมา จะเป็นการสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้เกิดขึ้น ไม่ว่าที่ใด


8. “ฉันวางใจในตัวคุณ” (I trust you) ความสำเร็จที่ได้รับขึ้นอยู่กับเรา ได้มอบความไว้วางใจให้กับใครสักคน ว่าจะสามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไว้ใจได้ว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เราจำเป็นต้องไว้วางใจเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว รวมไปถึงชุมชน ในสังคมที่ไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้

ความไว้วางใจเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเป็นผู้นำเช่นกัน เมื่อมีคุณสมบัตินี้ ใครๆก็อยากเป็นเหมือนคุณ อยากเป็นเพื่อนคุณ อยากปฏิบัติตามคุณ อยากทำธุรกิจหรือร่วมลงทุนกับคุณ ริช ระบุไว้ในหนังสือว่า
กฎทองของคำคำนี้ คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณ



9. “ฉันเคารพคุณ” (I respect you) คุณจะได้รับความเคารพกลับมาก็ต่อเมื่อให้ความเคารพผู้อื่น “ฉันเคารพคุณ” จึงเป็นคำพูดที่ทั้ง “ให้” และ “รับ” จากผู้อื่น การเคารพยังเป็นการแสดงออกที่ซ่อนเร้นได้ยาก และสามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ

ริช กล่าวว่า ในช่วงที่เป็นผู้นำองค์กร เขาคิดว่าการเคารพผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความรู้พื้นฐานทางธุรกิจและวิธีการดำเนินองค์กรจะมีค่าน้อยทันที หากคุณไม่เคารพคนที่คุณทำงานด้วย ถ้าพวกเขาไม่เคารพคุณ เท่ากับคุณไม่ใช่คนที่เป็นผู้นำ



10. “ฉันรักคุณ” (I love You) เป็นคำพูดทรงพลังที่โอบกอดทุกคนไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกต่อคนรัก ครอบครัว หรือหมู่เพื่อนสนิท เป็นคำพูดที่ผู้ฟังรู้สึกอบอุ่นมากกว่า “ฉันวางใจในตัวคุณ” หรือ “ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ” เป็นคำที่ใช้พูดกับคนที่คุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

การพูดว่า “ฉันรักคุณ” เป็นย่างก้าวสำคัญสำหรับทุกๆคน



----------------------------------------

วันนี้คุณคิดบวกรึยังคะ?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น